ผลประกอบการไตรมาส 3/55 กำไร 17,526 ล้านบาท
กําไรสุทธิไตรมาส 3/55 อยู่ที่ 17,526 ล้านบาท+126% QoQ +174% YoY หลังกําลังผลิตรวมเพิ่มขึ้น ราว 11%QoQ จากแหล่งบงกชใต้และแหล่งเวียดนาม 16-1 ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 64 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่า คาดว่าแนวโน้มไตรมาส 4/55 จะอ่อนตัว ด้านโครงการมอนทาร่า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดําเนินการได้ในช่วงไตรมาส 1/56 หลังทางการออสเตรเลียอนุมัติแล้ว ราคาเป้าหมายปี 56 ที่ 187 บาทต่อหุ้น มี upside ราว 20% แนะนํา“ซื้อลงทุน”
- กําไรสุทธิไตรมาส 3/55 เท่ากับ 17,526 ล้านบาท +126% QoQ, +174% YoY ซึ่งเดิมคาดว่าน่าจะไปถึง 1.9 หมื่นล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายการพิเศษผลขาดทุนอนุพันธ์ทางการเงินซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการราว 950 ล้านบาทภาพรวม บริษัทฯ มีกำลังการผลิตที่ 292,228 บาร์เรล +11% QoQ ต่อวัน ซึ่งในไตรมาส 2/55 กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 263,441 บาร์เรล ผลมาจาก
- กําลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโครงการบงกชใต้สามารถคงกําลังการผลิตก๊าซธรรมชาติไว้ที่ 334 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
- กําลังการผลิตน้ำมันดิบสูงขึ้นเป็น 5 หมื่นบาร์เรลจากแหล่งโครงการเวียดนาม 16-1 ด้านราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยลดลงจากไตรมาส 2/55 ที่ 64.17 เหรียญฯ เป็น 64 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ราคาขายก๊าซเฉลี่ยที่ 7.68 เหรียญฯ ต่อล้านบีทียูเท่ากับ +3.6%QoQ และ +30%YoYในส่วนราคาขาย liquid อยู่ที่ 99.35 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล (-4.30%QoQ, -2.28%YoY) ทั้งนี้ มีรายการตัดจําหน่ายค่าสํารวจหลุมแห้ง, ค่าเสื่อมราคาและค่าสูญสิ้น สูงขึ้น ราว 1,640 ล้านบาท ($ 53 ล้าน) ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) เพิ่มขึ้นเป็น 31.48 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่า +0.50%QoQ โดย success ratio ในไตรมาสนี้ อยู่ที่ 7:8 นอกจากนี้ ยังมีรายการพิเศษ ต่างๆ คือ
- รับเงินชดเชยจากเหตุการณ์มอนทาร่า ประมาณ 900 ล้านบาท หรือ 29 ล้านเหรียญฯ
- ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิราว 367 ล้านบาท (12 ล้านเหรียญฯ) จากเงินกู้ระยะสั้น สกุลปอนด์สเตอร์ลิงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์
- (3) ค่าใช้จ่ายด้านภาษี (Deferred Tax) ลดลง 4.4 พันล้านบาท(145 ล้านเหรียญฯ) จากฐานภาษีที่ถูกแปลงเป็นดอลล่าร์เพิ่มขึ้น หลังค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
- แนวโน้มไตรมาส 4/55: ผลประกอบการคาดว่าจะอ่อนตัวลงตามฤดูกาล(seasonal) เนื่องจากเป็นฤดูหนาวทําให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าและก๊าซลดลง นอกจากนี้ กําลังการผลิตอาจลดลง เนื่องจากโครงการบงกชมีแผนที่จะปิดซ่อมบํารุงราว 7-10 วัน รวมถึงแหล่ง ยาดานา และเยดากุน อย่างไรก็ตามหลังราคาก๊าซที่จะมีการปรับราคาขึ้นในไตรมาสนี้น่าจะเป็นผลบวกต่อผลประกอบการ
- แนวโน้มโครงการในอนาคต: โครงการมอนทาร่า ได้รับการอนุมัติจากทางการออสเตเรียแล้ว แต่มีเหตุจําเป็นต้องเลื่อนการผลิตออกไปเป็นช่วงเดือน ก.พ 56 เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออํานวย และยังคงมีTechnical risk ในระบบงานอยู่ โดยคาดว่า First oil จะผลิตได้ในช่วง ไตรมาส1/55 และคาดว่าจะเริ่มผลิตเต็มกําลังที่ 35 KBD ในไตรมาส 3/56 สําหรับโครงการ Oman 44 มีกําลังการผลิตน้ํามันดิบที่ 5 KBD และคาดว่า จะผลิตเพิ่มได้อีก1 KBD ในเดือน ต.ค นี้จากแหล่งใหม่ทางตอนใต้
- แนะนําซื้อลงทุน ประมาณการกําไรสุทธิปี 55-56 น่าจะอยู่ที่ 57,497 ล้านบาท(ภายใต้สมมุติฐานราคาขายเฉลี่ยทั้งปีที่ 64.30 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล และกําลังการผลิตเฉลี่ยที่ 275 KBOED) และ 69,653 ล้านบาท (ภายใต้สมมุติฐาน แหล่งมอนทาร่า ผลิตได้ในช่วงเดือน ก.พ กําลังการผลิตเฉลี่ยปี 56 ที่ 30 KBD กําหนดราคาเป้าหมายปี 56 ไว้ที่ 187 บาท/หุ้น (หรือ 224 บาท/หุ้น ในกรณีก่อนการเพิ่มทุน) อิงวิธี DCF ที่ WACC 8.10% Terminal Growth rate 3% ยังคงมี upside ประมาณ 20% ทั้งนี้เรามองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนประเด็นลบเกี่ยวกับการเพิ่มทุนไปหมดแล้ว แนะนํา“ซื้อลงทุน”
credit: จากบทวิเคราะห์ ดุลเดช บิค